ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กระบอกสูบ Cylinder

การเลือกซื้อกระบอกสูบนิวเมติกที่ดีเพื่อนำมาใช้งานนิวเมติกของคุณ

กระบอกสูบนิวเมติกหรืออีกชื่อหนึ่งว่ากระบอกลมนิวเมติกมีอยู่หลายชนิดด้วยกันและมีความหลากหลายในการใช้งานในระบบอัตโนมัติ เมื่อคุณต้องการเลือกประเภทของกระบอกสูบหรือกระบอกลมนิวเมติกเพื่อเหมาะสมกับทำงานในโหลดที่เฉพาะเจาะจงคุณควรพิจารณาหลักเกณฑ์การออกแบบตลอดจปัจจัยสำคัญหลายๆอย่างที่มีผลต่อการทำงานนั้นของกระบอกลม หากคุณต้องการที่จะเลือกซื้อกระบอกลมสักชุดมาใช้ในลักษณะติดตั้งเป็นของใหม่หรือว่าทดแทนของเดิม ซึ่งในบทความนี้ก็จะมาแนะนำเคล็ดลับดีๆในการเลือกกระบอกที่มีประสิทธิภาพเพื่อนำมาให้กับงานของเรากันครับ
กระบอกลมนิวเมติก
กระบอกลมนิวเมติก

แรงดันของอากาศภายในกระบอกลม

คุณรู้หรือไม่ว่าอากาศที่จ่ายให้กับกระบอกสูบนิวเมติกส์นั้นมีความสำคัญต่อการทำงานที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงสุดของกระบอกลมเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่อากาศถูกบีบอัดภายในกระบอกลมเองต้องเพียงพอเพื่อดำเนินงานทางกลที่สร้างขึ้นโดยตัวถังกระบอกลมเอง ดังนั้นเวลาคุณเลือกซื้อกระบอกลมคุณควรตรวจสอบการอัดอากาศของแต่ละรุ่นด้วยว่าเหมาะสมกับการใช้งานของคุณหรือไม่ ความต้องการในการอัดอากาศหรือการไหลของอากาศในกระบอกลมที่แตกต่างกันจะใช้ในงานลักษณะที่แตกต่างกัน สำหรับกระบอกสูบหรือกระบอกลมที่มีรูปทรงกระบอกส่วนใหญ่แล้วจะทำหน้าที่เดียวใช้กับงานที่ไม่หนักเท่านั้น ส่วนในคอมเพรสเซอร์นั้น อากาศจะทำงานได้ดีและสามารถบีบอัดได้สูงสุดระหว่าง 7 ถึง 10 บาร์ ถังอากาศและท่อของคอมเพรสเซอร์ต้องได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี

ท่อในกระบอกสูบหรือกระบอกลมนิวเมติก

เมื่ออากาศไหลผ่านท่อความดันของกระบอกลม จะทำให้อายุการใช้งานของท่อกระบอกลมนั้นน้อยลง และสร้างความสูญเสียเนื่องจากแรงเสียดทานการไหลที่เกิดขึ้นได้และเกิดการสูญเสียและความต้านทานการกัดกร่อนอื่น ๆได้อีกด้วย ดังนั้นการลดการสูญเสียแรงดันในกระบอกลมนิวเมติกจะมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ เพื่อให้ได้ค่าที่แท้จริงของการบีบอัดสูงสุดโดยมีการสูญเสียแรงดันเพียงเล็กน้อยท่อและท่อต้องเชื่อมต่อกันอย่างรอบคอบและภายในจะต้องสะอาดด้วย

คุณภาพอากาศและการหล่อลื่นภายในกระบอกลม

ความจริงแล้วเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของอากาศภายในกระบอกลมได้ และคุณภาพอากาศต้องได้รับความคุ้มครองโดยใช้การกรองที่เหมาะสม น้ำมันหล่อลื่นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานที่ดีของกระบอกสูบหรือกระบอกลมนิวเมติก เครื่องมือนิวเมติกที่ใช้ในอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นจัดอาจต้องใช้เครื่องเป่าลมและอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อป้องกันการแช่แข็ง การหล่อลื่นนี้จะช่วยลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของกระบอกสูบและป้องกันการเกิดสนิมและการละลายตะกอนที่เกิดขึ้นในระบบอัดอากาศได้ระยะยาวได้

วงจรนิวเมติกในกระบอกลม

ในวงการนิวเมติกเราจะพบว่าความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงและการทำงานโดยทั่วไปของกระบอกสูบนิวเมติกเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบวงจรนิวเมติก ส่วนประกอบแต่ละชิ้นต้องได้รับการออกแบบให้เหมาะสมและเหมาะสมกับสมรรถนะที่ต้องการภายในวงจรโดยรวมของระบบ การประหยัดค่าใช้จ่ายและเลือกอุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพอาจจะทำให้วงจรนิวเมติกของคุณเสียหายระหว่างการทำงานในวันข้างหน้าก็เป็นได้ ดังนั้นภายในวงจรนิวเมติกของกระบอกลมคุณควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสอดคล้องและสมดุลกันในทุกส่วน
วงจรนิวเมติกกระบอกลม
วงจรนิวเมติกกระบอกลม

โซลินอยด์วาล์ว

โซลินอยด์วาล์ว กระบอกลม
โซลินอยด์วาล์ว กระบอกลม
ในปัจจุบันโซลินอยด์วาล์วได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากวาล์วชนิดนี้มีความยืดหยุ่นสูงและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ในการบีบอัดอากาศไปยังอุปกรณ์ต่างๆในวงจรนิวเมติกภายในตัวของกระบอกลม อีกทั้งโซลินอยด์วาล์วยังช่วยให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้ด้วยสัญญาณไฟที่กินไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเราสามารถนำโซลินอย์วาล์มาต่อเข้ากับวงจรควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนต่างๆที่ต้องการควบคุมด้วยวาล์วได้อีกด้วย ดังนั้นหากเราซื้อกระบอกลมเราควรตรวจสอบประเภทของโซลินอย์วาล์วที่อยู่ในกระบอกลมนั้นด้วยว่าโซลินอยด์วาล์วนั้นทำจากวัสดุที่ดีที่สุดและทนแรงกดได้มากหรือไม่ มีความยืดหยุ่นในการต่อใช้งานมากน้อยเพียงใด เพื่อว่าในอนาคตเราจะได้สามารถปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขการใช้งานของโซลินอยด์วาล์วได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

อย่ามองข้ามเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งานกระบอกลม

หากเราต้องการซื้อกระบอกลมสำหรับใช้ในงานนิวเมติก เราควรเลือกใช้บริการจากบริษัทที่จัดจำหน่ายหรือบริการที่ได้คุณภาพ การเลือกบริษัทที่มีมาตรฐานความเป็นเลิศในการผลิตกระบอกสูบนิวเมติกเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของกระบอกลมและวงจรนิวเมติกโดยรวมทำงานได้ราบรื่นอีกด้วย ส่วนประกอบต่างๆของกระบอกสูบหรือกระบอกลมนิวเมติกนั้นจะมีการทำงานร่วมกันในทุกๆส่วนและทุกส่วนต้องได้รับการพิจารณาอย่างดีในการเลือกติดตั้งและบำรุงรักษาระบบนิวเมติก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทำไมเราถึงต้องทำ Vacuum ใน Condenser

มีน้องมาถามหลังไมค์ครับ.."ถ้า Condenser เกิด back pressure ขึ้นมาจะมีผลกระทบอะไรโดยตรงกับ Steam turbine???" ก่อนตอบคำถามอยากเล่าให้ฟังก่อนว่า..ทำไมเราถึงต้องทำ Vacuum ใน Condenser เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน วัตถุใดๆก็ตามที่เป็นของแข็งถ้าเคลื่อนที่ตัดกับอากาศ ไม่ว่าจะเป็นแนวใดๆ แนวตรง ขวาง ดิ่ง หรือ การหมุน ภายใต้แรงดันบรรยากาศของโลก จะเกิดความร้อนขึ้นกับวัตถุนั้น เนื่องจากแรงเสียดทาน (air friction) ถ้าเราหมุน Steam Turbine โดยไม่มี Vacuum ก็จะทำให้ Turbine blade เกิด overheat ดั งนั้นเราจึงต้องทำให้เกิด Vacuum เพื่อลดแรงเสียดทานจากแรงดันบรรยากาศโลก แล้วทำไม Gas turbine หมุนได้โดยไม่ต้องมี Vacuum??? เพราะ GT มี cooling air ไงครับต่างจาก ST ที่ไม่มีระบบ cooling ใดๆ และที่สำคัญที่สุดคือ Vacuum จะเป็นตัวทำให้ steam flow ไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดแรงต้านใดๆต่อการไหลของ steam กลับมาที่คำถาม..ถ้าหลังจาก ST on load ไปแล้ว หมายถึงมี steam flow เกิดขึ้นแล้ว ถ้าเกิด back pressure ขึ้นมาจะมีผลกระทบอะไรโดยตรงกับ Turbine อย่างแรก back pressure จะทำให้การไหลของ steam เปลี่ยน

Sub_Station

มารู้จักชนิดของสถานีไฟฟ้าแ รงสูงกัน รูปแบบของสถานีไฟฟ้าแรงสูงส ามารถแบ่งออกตามชนิดของฉนวน ในการดับอาร์คของสวิตซ์ตัดต อน (Power Circuit Breaker )ของสถานีไฟฟ้านั้น ซึ่งมี 2 แบบ คือ 1) สถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบใช้ฉนวน อากาศ (Air Insulated Substation : AIS) • ข้อดีของสถานีไฟฟ้าแบบ AIS คือ - ระบบสามารถออกแบบให้ยืดหยุ่ นกับการใช้งาน, อุปกรณ์ราคาถูก, อุปกรณ์แต่ละตัวแยกอิสระกัน  เช่น เซอร์กิตเบรคเกอร์, ใบมีดตัดตอน, หม้อแปลงวัดกระแส, หม้อแปลงวัดแรงดัน, กับดักฟ้าผ่า, บัสบาร์, สามารถจัดหามาทดแทนได้ง่าย • ข้อเสียของสถานีไฟฟ้าแบบ AIS คือ - ต้องใช้พื้นที่ในการก่อสร้า ง มากกว่าแบบ GIS มากถึง 5-6 เท่า อุปกรณ์, ต้องมีความระมัดระวังในการป ฎิบัติงานเพื่อระบบเป็นแบบเ ปิด อุปกรณ์แต่ละส่วน เชื่อมต่อกันด้วยสายไฟแรงสู ง และต้องเลิอกฉนวนให้เหมาะสม กับสภาพแวดล้อม 2) สถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบใช้ฉนวน ก๊าซ (Gas Insulated Substation : GIS) • ข้อดีของสถานีไฟฟ้าแบบ GIS คือ - ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างน้อ ย, ติดตั้งได้รวดเร็วกว่า, มีความปลอดภัยในการใช้งานสู งกว่า, ไม่มีผลกระทบจากมลภาวะภายนอ ก, การบำรุงรักษาน้อยกว่า • ข้อเสียขอ

Switchgear

เรียนรู้เรื่องระบบไฟฟ้ากำลัง (3) Switchgear อุปกรณ์ตัดตอนไฟฟ้า (Switch gear)      ระบบการจ่ายไฟฟ้าดั้งเดิมเริ่มขึ้นจากการกระจุกตัวภายในเมือง การจ่ายไฟฟ้าเริ่มจากแรงดันไฟฟ้าต่ำ 110-220 Volt เมื่อมีการขยายตัวสูงขึ้นของการใช้ไฟฟ้า ระยะทางการจ่ายไฟฟ้าเริ่มไกลออกไป แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายจึงต้องเพิ่มขึ้นเพื่อลดกระแสในสายไฟฟ้า เป็นการลดการสูญเสียพลังงานในสายไฟฟ้าและลดปัญหาเรื่องแรงดันไฟฟ้าตก แรงดันไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นเข้าสู่ระบบแรงดันปานกลาง (Medium Voltage) 3000 ถึง 33000 Volts ไปจนถึงระดับแรงสูง (High Voltage) 69000 ถึง 230000 Volts และปัจจุบันเข้าสู่ระดับสูงพิเศษ (Extra High or Ultra High Voltage) ที่ระดับแรงดัน 500000 Volts      การจ่ายไฟฟ้าไปในระยะทางทั้งใกล้และไกล จึงต้องมีอุปกรณ์ป้องกันหรือใช้ตัด-ต่อไฟฟ้า ดังนี้ อุปกรณ์ตัด-ต่อไฟฟ้าแรงต่ำ (Low Voltage Switchgear) ฟิวส์ (Fuse)      ฟิวส์ทำหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ ป้องกันการใช้กระแสไฟฟ้าเกิน (Over Load) และป้องกันการลัดวงจรไฟฟ้า (Short circuit)      ฟิวส์ทำงานโดยอาศัยหลักการของการหลอมละลายของโลหะ ซึ่งตัวฟิวส์ เป็นแผ่นโลหะบาง